เมื่อพูดถึงประกันชีวิตและกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาความจำเป็นก่อน คุณต้องการประกันชีวิตเพื่อปกป้องครอบครัวของคุณในกรณีที่คุณเสียชีวิตหรือไม่? ถ้าใช่ คุณควรซื้อประกันชีวิตก่อนแล้วค่อยพิจารณาการลดหย่อนภาษี คุณต้องการลงทุนเพื่อเกษียณหรือไม่? ถ้าใช่ คุณควรพิจารณาลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือกองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ (SSF) ก่อนแล้วค่อยพิจารณาการลดหย่อนภาษี กับบทความ ซื้อประกันชีวิต vs. ลงทุนRMF/SSF เพื่อลดหย่อนภาษี แนวคิดนี้ถูกต้องหรือไม่ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปชมกันเลย
ซื้อประกันชีวิต vs. ลงทุนRMF/SSF เพื่อลดหย่อนภาษี แนวคิดนี้ถูกต้องหรือไม่
หลายๆท่านคงจะมีคำถามที่ว่าระหว่าง ประกันชีวิตเพื่อลดหย่อนกับกองทุนเพื่อลดหย่อน หากเราต้องการจะลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนสูงๆ ที่เหมาะกับอาชีพพนักงานกินเงินเดือนแบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน เอาแบบหลักการง่ายๆเราจะต้องเอาแนวคิดลดหย่อนออกจากหัวก่อน นั้นก็เพราะว่ามันไม่ได้เรื่องอะไรสำคัญในชีวิตการลดหย่อนภาษีมันเป็นเพียงของแถม แต่สิ่งที่ต้องคิดทีหลังอันดับแรกคือความจำเป็นความจำเป็นยังไง ถามง่ายๆว่าหากวันนี้คุณเกิดเป็นอะไรขึ้นมาคนข้างหลังคุณเดือดร้อนหรือไม่ เพราะทุกวันนี้เงินที่หาได้ต้องแบ่งใครกินแบ่งใครใช้บ้างหรือเปล่า ถ้าต้องแบ่งใครกินแบ่งใครใช้คุณก็ไม่ต้องคิดมาก ซื้อประกันไปเลยและอย่าลืมซื้อประกันให้ครอบคลุมความเสี่ยงตัวเองด้วย ยิ่งคนที่เป็นหน้าครอบครัวทำงานหาเงินคนเดียวถือว่าเป็นเรื่องใหญ่แล้วก็เป็นอะไรไปใครจะรับผิดชอบหากคุณไม่ยอมทำประกัน ยิ่งคนที่มีครอบครับควรจะซื้อประกันแบบตลอดชีพหรือประกันแบบ Unit Link ที่เน้นความคุ้มครอง อย่างไปเน้นแบบสะสมทรัพย์อย่างไปเชื่อตัวแทนขายที่นิยมมาแนะนำแบบผิดๆมันไม่โอเค ดังนั้นการซื้อประกันชีวิตเป็นเรื่องที่ไม่ได้แย่ โดยเฉพาะผู้อ่านที่มีความจำเป็นต้องซื้อประกันคุณก็ซื้อประกันแล้วเดี๋ยวคุณจะได้เรื่องการลดหย่อนเอง
แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่มีภาระไม่ต้องส่งเสียใคร หากตายไปไม่กระเทือนคนอื่น อันนี้ก็แล้วแต่ท่านผู้อ่านจะพิจารณา เพราะถ้าคุณมองว่าไม่ได้เป็นภาระอะไร ไม่ต้องเลี้ยงดูใคร คุณก็อาจจะมาเน้นไปทางการลงทุนเลยแต่ลงกองทุนแล้วก็โฟกัสที่ rmf เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีควบคู่ไปกับการลงทุน แต่ท่านจะต้องมองเรื่อง การรับผลตอบแทนเป็นหลัก ไม่ใช่ว่าเอาไว้สำหรับใช้ในการลดหย่อนภาษีเป็นเรื่องหลักในชีวิต จริงๆแล้วการลดหย่อนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยแต่ท่านสามารถได้รับการลดหย่อนภาษีเป็นของแถมเท่านั้น เพราะภายใต้แผนการเงินควรจะสอดคล้องกับความเสี่ยงในเรื่องของการเสียชีวิตและความเสี่ยงในเรื่องของการเกษียณแล้วไม่มีเงินใช้ดังนั้นนี้ถือว่าเป็นเรื่องหลักที่ควรโฟกัสต่างหาก ส่วนข้อพิจารณาในการเลือกประกันชีวิตและการเลือกกองทุนเพื่อลงทุน มีดังนี้
แนวทางในการเลือกประกันชีวิต
- ความจำเป็น: คุณต้องการให้ประกันชีวิตเพื่อปกป้องครอบครัวของคุณในกรณีที่คุณเสียชีวิตหรือไม่?
- ประเภทของประกันชีวิต: มีประเภทของประกันชีวิตหลายประเภท คุณต้องเลือกประเภทที่เหมาะกับความต้องการของคุณ
- เบี้ยประกัน: เบี้ยประกันคือจำนวนเงินที่คุณชำระให้กับบริษัทประกันทุกปี คุณต้องเลือกเบี้ยประกันที่คุณสามารถจ่ายได้
- ระยะเวลาความคุ้มครอง: ระยะเวลาความคุ้มครองคือจำนวนปีที่บริษัทประกันจะจ่ายเงินให้กับครอบครัวของคุณในกรณีที่คุณเสียชีวิต คุณต้องเลือกระยะเวลาความคุ้มครองที่ครอบคลุมความต้องการทางการเงินของครอบครัวคุณ
แนวทางในการเลือกกองทุนเพื่อลงทุน
- เป้าหมายการลงทุน: คุณกำลังลงทุนเพื่ออะไร? คุณกำลังลงทุนเพื่อเกษียณหรือไม่? คุณกำลังลงทุนเพื่อสร้างรายได้หรือไม่?
- ความเสี่ยง: คุณพร้อมที่จะรับความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน? การลงทุนบางอย่างมีความเสี่ยงสูง ในขณะที่การลงทุนบางอย่างมีความเสี่ยงต่ำ
- ระยะเวลาการลงทุน: คุณวางแผนที่จะลงทุนนานแค่ไหน? การลงทุนบางอย่างเหมาะสำหรับการลงทุนระยะสั้น ในขณะที่การลงทุนบางอย่างเหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว
สำหรับการลดหย่อนภาษีเป็นสิ่งดี แต่ไม่ควรเป็นปัจจัยหลักในการเลือกประกันชีวิตหรือกองทุนเพื่อลงทุน ควรคำนึงถึงความจำเป็นก่อนเสมอ การลดหย่อนภาษีเป็นเพียงของแถมที่จะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้มากขึ้นดังนั้นเมื่อคุณพิจารณาปัจจัยเหล่านี้แล้ว คุณจะสามารถตัดสินใจได้ว่าประกันชีวิตหรือกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีแบบใดที่เหมาะกับคุณ