สำหรับท่านผู้ขับขี่รถยนต์ในช่วงเวลานี้ท่านหน้าจะเข้าใจถึงสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ไหนจะสภาวะสงครามี่ทำให้เวลาราคาน้ำมันก็พุ่งไม่หยุด ไม่ว่าใครๆ ก็ต่างอยากจะประหยัดเงินในการเติมน้ำมันกันทั้งนั้น บางคนอาจใช้รถยนต์รุ่นเก่าๆที่เวลานี้ก็ซดน้ำมันไม่ใช่น้อย หน้าทำให้เราจะต้องเสียเงินกับการเติมน้ำมันหมดเดือนละหลักหลายพันบาท ดังนั้นวันนี้ moneysabuy จะมาแนะนำ มีวิธีการประหยัดน้ำมันที่ง่ายๆ พร้อมด้วยการมาตรวจสอบราคาพร้อม เช็คราคาน้ำมันวันนี้ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปชมกันเลย…
เช็คราคาน้ำมันวันนี้ พร้อมวิธีออมเงินเพื่อประหยัดค่าน้ำมันในเวลานี้
ราคาขายปลีก กทม. ประจำปี พ.ศ. 2565 * ราคานี้ไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่ (ถ้ามี)
-
วิธีออมเงินเพื่อทำให้ประหยัดค่าน้ำมันในสภาพเศรษฐกิจฝืดเคือง
อย่าเลือกรถยนต์ที่ใหญ่เกินความจำเป็น : หากคุณจำเป็นต้องทำการเดินทางคนเดียวหรือสองคนเป็นประจำในเมืองที่การจราจรติดขัด ควรเลือกรถที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,600 ซีซี (Eco car) เพราะเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กจะประหยัดน้ำมันมากกว่ารถที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ รวมทั้งขนาดรถที่เล็ก ทำให้มีความคล่องตัวบนท้องถนนมากกว่า ทั้งนี้ ต้องเลือกให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งานเป็นกรณีๆ ไปด้วยครับ เช่น ถ้าต้องขนของบ่อยๆ อาจจะเลือกเป็นรถกระบะดีกว่าครับ
ขับไม่เกิน 80 – 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง : ถ้าหากไม่เร่งรีบจนเกินไป ขับที่ 80 -90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะประหยัดน้ำมันได้ดีที่สุด แล้วยังปลอดภัยอีกด้วยครับ โดยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันในการขับรถยนต์ที่ความเร็วต่างๆ กัน เปรียบเทียบได้ดังนี้
- ความเร็ว 95 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 80 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 15%
- ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 80 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 29%
- ความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 90 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 10%
- ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 90 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 25%
ตรวจเช็คลมยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ : ถ้าปล่อยให้ลมยางอ่อนเกินไป จะทำให้รถเคลื่อนที่ได้ช้าลง และกินน้ำมันมากขึ้น แต่อย่าเติมลมจนแข็งเกินไป เพราะยางรถที่เติมลมแข็งเกินไป จะทำให้พื้นผิวสัมผัสของยางมีน้อย และไม่เกาะถนน แม้จะทำความเร็วได้มากก็ตาม
ศึกษาเส้นทางก่อนการเดินทางเสมอ : หลีกเลี่ยงเส้นทางที่การจราจรติดขัด ตรวจสอบว่ามีการปิดถนนเพื่อจัดกิจกรรมใดๆ หรือไม่ และใช้เส้นทางที่สั้นที่สุด ก็จะประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น
ดับเครื่องเวลาที่ต้องจอดรถ : ไม่ว่าจะเป็นเวลาจอดรถซื้อของ จอดรอรับคน ฯลฯ ที่จะใช้เวลาในการจอดนานพอสมควร ก็ควรดับเครื่องยนต์ เพื่อประหยัดน้ำมัน
ไม่บรรทุกของเกินความจำเป็น : เพราะยิ่งรถหนัก ก็จะยิ่งกินน้ำมันมากขึ้น ดังนั้น ควรตรวจสอบรถอยู่เสมอว่า มีสิ่งของใดๆ ที่เราบรรทุกมากเกินความจำเป็นบ้างหรือไม่ ถ้ามี ก็ควรเอาออกมาเก็บไว้ที่บ้าน แล้วคุณก็จะพบว่า รถของคุณเบาขึ้นและกินน้ำมันน้อยลงเลยทีเดียว
พยายามลดการใช้แอร์รถในช่วงที่มีอากาศหนาว : หากคุณปิดแอร์รถเป็นเวลา 30 นาที ก็สามารถจะประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 10-15 % เลย
ตรวจเช็คเครื่องปรับอากาศในรถอย่างสม่ำเสมอ : ดูปริมาณน้ำยาทำความเย็น ความสกปรกของคอยล์ร้อนคอยล์เย็น และไส้กรอง ฯลฯ เพื่อให้ระบบทำงานมี ประสิทธิภาพพร้อมทั้งปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะ เพราะถ้าปรับอุณหภูมิต่ำเกินไปคอมเพรสเซอร์ก็จะทำงานหนัก มากขึ้น เป็นภาระให้เครื่องยนต์มากขึ้น ส่งผลให้อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงก็มากขึ้นไปด้วย
ไม่ต้องติดเครื่องแล้วจอดแช่ไว้เพื่ออุ่นเครื่องยนต์ : เพราะมันเปลื่องน้ำมันมากเลยรู้ไหม แถมยังสร้างมลพิษบริเวณโดยรอบอีกด้วยนะ เพียงแค่คุณออกตัวทันทีแต่ขับในความเร็วไม่มากนักในช่วง 1-2 กิโลเมตรแรก ก็ถือว่าเป็นการอุ่นเครื่องแล้ว
เลือกเติมน้ำมันให้เหมาะสมกับรถยนต์ของคุณ : เพราะหากเลือกถูกต้องการทำงานของรถยนต์ก็จะไม่หนักเกินไปและยังช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากยิ่งขึ้น
ไม่ควรเก็บสัมภาระมากมายบนรถยนต์ : ไม่ว่าจะเป็น รองเท้า ขวดน้ำที่แถมจากการเติมน้ำมัน ฯลฯ เพราะยิ่งรถยนต์แบกรับน้ำหนักมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้นเท่านั้นนั่นเอง
ควรเลือกใช้เกียร์ให้ถูกต้อง : เป็นกฎที่ต้องจำให้ขึ้นใจเมื่อใช้รถยนต์ นั่นก็คือ ความเร็วต่ำใช้เกียร์ต่ำ ความเร็วสูงใช้เกียร์สูง
ใช้ความเร็วรถยนต์ให้ สม่ำเสมอ : เมื่อท่านขับรถทางไกลควรใช้ความเร็วสม่ำเสมอ จะประหยัดน้ำมันกว่าการขับรถสลับช้าเร็ว เช่น เร่งแซงบ่อยๆ อย่ากระชากรถบ่อย ๆ เพราะยิ่งเร่งเครื่อง ก็จะยิ่งเปลืองน้ำมัน
เลือกที่จอดรถยนต์ให้เหมาะสม : อย่าจอดรถกลางแจ้งโดยไม่จำเป็น พยายามจอดรถไต้ร่มไม้ร่มเงา เมื่อคุณกลับมาที่รถเครื่องปรับอากาศจะได้ไม่ทำงานหนักเกินไป หรือหากนัดพบปะสังสรรค์ควรโทรไปนัดกันล่วงหน้า หรือหากจะไปเยี่ยมเยือนใครก็ควรสอบถามให้แน่ใจว่าอยู่บ้าน จะได้ไม่ไปเก้อให้สิ้นเปลืองน้ำมันทั้งขาไปและกลับ นอกจากนี้การจอดไกลหน่อยแต่ไม่ต้องวนรถหาที่จอดรถ ดีกว่าวนหาที่จอดรถใกล้ ๆ ประตูทางเข้าหลาย ๆ รอบเป็นไหน ๆ ได้ออกกำลังด้วย
ลองศึกษาคู่มือของรถยนต์ของท่าน : ควรศึกษาคู่มือที่มีให้มาและปฏิบัติตามเพราะจะช่วยยืดอายุการใช้งานรถยนต์ และช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้มากยิ่งขึ้น
ใช้รถยนต์เมื่อจำเป็น : อย่าใช้รถยนต์พร่ำเพรื่อ และควรขับรถ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ช่วยลดการใช้น้ำมันได้
อย่าขับรถเลี้ยงคลัตช์ ถ้าไม่อยากให้รถยนต์ซดน้ำมัน
ตรวจเช็คน้ำมันหล่อลื่น : ไม่ควรลืมเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นเมื่อถึงระยะทางหรือเวลาที่กำหนดเอาไว้ เพื่อการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่สิ้นเปลืองน้ำมัน และช่วยยืดอายุการใช้งานได้และหมั่นตรวจเช็กรถยนต์เมื่อครบตามระยะทางหรือระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้
หลีกเลี่ยงถนนลูกรัง : หากเลือกได้ ควรหลีกเลี่ยงถนนลูกรัง หรือถนนที่มีความขรุขระ เพราะสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าวิ่งบนถนนเรียบถึง 35%
เลือกใช้รถประจำทางหรือบริการสาธารณะ : ถ้าจุดหมายปลางทางสามารถเดินทางไปด้วยรถไฟฟ้าได้ งดใช้รถยนต์จะประหยัดกว่า
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับข้อมูลที่ทางเรานำมาฝากหวังว่าท่านจะได้รับความรู้จากบทความนี้ นอกจากนี้เรายังมีอีกหลายๆบทความที่จะมาแนะนำให้ท่านอีกมากมายผ่านทางเว็บไซต์ sabuynews.com