การมีเงินเก็บเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เรามีชีวิตที่มั่นคงและมีความสุขได้ แต่หลายคนก็ประสบปัญหาในการออมเงิน ไม่ว่าจะเป็นเพราะรายได้ไม่เพียงพอ รายจ่ายเยอะ หรือขาดวินัยในการออม บทความนี้จึงจะพาไปรู้จักกับวิธีเก็บเงินแบบไหนที่ทำให้รวยเร็วที่สุดในโลก รับรองว่าอ่านจบแล้วคุณจะมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
วิธีเก็บเงินที่ทำให้รวยเร็วที่สุดในโลก
การมีเงินเก็บเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน เพราะเงินเก็บเปรียบเสมือนความมั่นคงทางการเงิน ช่วยให้เราสามารถใช้จ่ายได้อย่างสบายใจ มีเงินสำรองไว้ยามฉุกเฉิน และสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินต่างๆ ได้อย่างราบรื่น แต่หลายคนก็ประสบปัญหาในการเก็บเงิน ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร หรือเก็บอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า ดังนั้น บทความนี้จะมาแนะนำวิธีเก็บเงินแบบไหนที่ทำให้รวยเร็วที่สุดในโลก
กำหนดเป้าหมายการออม
- สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนเริ่มเก็บเงินคือการกำหนดเป้าหมายการออม ว่าต้องการเก็บเงินเพื่ออะไร เช่น เก็บไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉิน เก็บไว้ซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือเก็บไว้เกษียณ เป็นต้น เมื่อกำหนดเป้าหมายได้แล้ว จะช่วยให้เรากำหนดระยะเวลาและจำนวนเงินที่ต้องออมได้ง่ายขึ้น
คำนวณรายได้และรายจ่าย
- ขั้นตอนต่อมาคือการคำนวณรายได้และรายจ่ายประจำเดือน เพื่อดูว่าเรามีรายได้เท่าไหร่ และใช้จ่ายไปเท่าไหร่ หากพบว่ามีรายจ่ายมากกว่ารายได้ ก็ควรหาวิธีลดรายจ่ายลง หรือหารายได้เสริมเพิ่ม
หักเงินออมออกจากเงินเดือนก่อนใช้
- วิธีนี้จะช่วยให้เราเก็บเงินได้อัตโนมัติ เพราะเงินออมจะถูกหักออกจากเงินเดือนก่อนที่เราจะได้รับเงินสดจริงๆ ดังนั้น ให้เราตั้งค่าให้ธนาคารหักเงินออมออกจากเงินเดือนอัตโนมัติทุกเดือน
หาช่องทางการออมที่ให้ผลตอบแทนสูง
- นอกจากการฝากเงินออมทรัพย์แล้ว เรายังสามารถหาช่องทางการออมที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น การลงทุนในหุ้น กองทุนรวม หรืออสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนลงทุน
สร้างวินัยการออม
- การออมให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่านั้น จำเป็นต้องมีวินัยในการออม คือการตั้งใจเก็บเงินอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคต่างๆ ดังนั้น เราควรตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน และสร้างแรงจูงใจให้ตัวเอง เช่น หาเพื่อนร่วมออม หรือตั้งรางวัลให้ตัวเองเมื่อเก็บเงินได้ตามเป้าหมาย
วิธีเก็บเงินแบบไหนที่ทำให้รวยเร็วที่สุดในโลก
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการออมเงินแบบรวยเร็วที่หลายคนนำไปใช้แล้วประสบความสำเร็จ
การออมเงิน 50% ของเงินเดือน
- หากเราสามารถออมเงินได้ 50% ของเงินเดือน เราก็จะมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น หากเรามีเงินเดือน 10,000 บาท เราก็จะมีเงินเก็บเพิ่มขึ้น 5,000 บาทต่อเดือน ภายใน 1 ปี เราจะมีเงินเก็บเพิ่มขึ้น 60,000 บาท ภายใน 5 ปี เราจะมีเงินเก็บเพิ่มขึ้น 300,000 บาท และภายใน 10 ปี เราจะมีเงินเก็บเพิ่มขึ้น 600,000 บาท
การออมเงินแบบทบต้น
- การออมเงินแบบทบต้นคือการออมเงินแล้วนำเงินปันผลมาลงทุนต่อ ทำให้เงินงอกเงยอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น หากเราออมเงิน 10,000 บาทต่อเดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ย 10% ต่อปี เป็นเวลา 10 ปี เงินเก็บของเราจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,648,648 บาท
การออมเงินแบบลงทุน
- การออมเงินแบบลงทุนคือการนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น การลงทุนมีความเสี่ยง แต่หากเลือกการลงทุนอย่างรอบคอบ ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงไ
วิธีเก็บเงินแบบ 6 JARS
เรายังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บเงินได้ด้วยการ หาช่องทางการออมที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น การลงทุนในหุ้น กองทุนรวม หรืออสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนลงทุน นอกจากวิธีเก็บเงินแบบทั่วไปแล้ว ยังมีวิธีเก็บเงินแบบอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น วิธีเก็บเงินแบบ 6 JARS คิดค้นโดย T. Harv Eker นักธุรกิจชาวอเมริกัน โดยวิธีนี้แบ่งเงินออกเป็น 6 ส่วน ได้แก่
ตัวอย่างวิธีเก็บเงินแบบ 6 JARS
- เงินฉุกเฉิน เก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน อย่างน้อย 3-6 เดือนของค่าใช้จ่ายประจำเดือน\
- เป้าหมายระยะสั้น เก็บไว้ใช้สำหรับเป้าหมายระยะสั้น เช่น ซื้อของที่อยากได้ ไปเที่ยว เป็นต้น
- เป้าหมายระยะกลาง เก็บไว้ใช้สำหรับเป้าหมายระยะกลาง เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ เป็นต้น
- เป้าหมายระยะยาว เก็บไว้ใช้สำหรับเป้าหมายระยะยาว เช่น เกษียณ เป็นต้น
- การเรียนรู้ เก็บไว้ใช้สำหรับการเรียนรู้ เช่น ซื้อหนังสือ เรียนคอร์สต่างๆ เป็นต้น
- การให้ เก็บไว้ใช้สำหรับการให้ เช่น บริจาคทำบุญ เป็นต้น
วิธีเก็บเงินแบบ 6 JARS จะช่วยให้เราจัดสรรเงินได้อย่างเป็นระบบ และบรรลุเป้าหมายทางการเงินต่างๆ ได้สำเร็จ สำหรับการออมเงินเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ เพราะจะช่วยให้เรามีความมั่นคงทางการเงิน และบรรลุเป้าหมายทางการเงินต่างๆ ได้สำเร็จ ดังนั้น เราควรหาวิธีเก็บเงินที่เหมาะสมกับตนเอง และสร้างวินัยในการออมอย่างสม่ำเสมอ